วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ดอกแก้ว

ชื่อสามัญ:  Orang Jessamine, China Box Tree, Andamanwood, Chinese Box-wood  
ชื่อวิทยาศาสตร์:  Murraya paniculata (L.) Jack.
ชื่อวงศ์:  RUTACEAE
ชื่อพื้นเมือง:  กะมูนิง (มลายู ปัตตานี) แก้วขาว (กลาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก (เหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ลำปาง) และ ตะไหลแก้ว (เหนือ)
ลักษณะทั่วไป
 
ต้น  ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 
10 ม. เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ สีเขียวเข้ม เปลือกต้น สีขาวเทา แตกเป็นร่องตามยาว

 ใบ  ประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5-9 ใบ เรียงสลับกันจากเล็กไปหาใหญ่ สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบย่อยที่ปลายก้านใบรูปไข่ รูปรี หรือรูปไข่กลับ ปลายแหลม โคนแหลมหรือสอบ ขอบเป็นคลื่นหรือหยักมนตื้นๆ โคนใบเบี้ยวเล็กน้อย ใบมีต่อมน้ำมัน
 
ดอก  ช่อดอกสั้น ออกตามง่ามใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม   กลีบเลี้ยง 5 
กลีบ   กลีบเลี้ยง ขนาดเล็ก ปลายมน กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาวประมาณ1.2 ซม. เรียงซ้อนเหลื่อม ฐานรองดอกรูปวงแหวน เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวไม่เท่ากัน ยาวประมาณกึ่งหนึ่งของกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้แบน รังไข่ติดเหนือวงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียหนา ยาวประมาณ 0.7 ซม. ยอดเกสรรูปโล่ ร่วงง่าย ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 เซนติเมตร 
 
ฝัก/ผล  รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 
5-8 มม. ยาวประมาณ 1 ซม. ผลแก่สีแดงอมส้ม ต่อมน้ำมันเห็นได้ชัด

เมล็ด รูปไข่ มีขนหนาและเหนียวหุ้มโดยรอบเมล็ด 

ฤดูกาลออกดอก:  ตลอดปี โดยเฉพาะฤดูฝน
การปลูก:  ปลูกเป็นต้นเดียวหรือปลูกเป็นกลุ่ม เป็นรั้วบังสายตา ให้ร่มเงา ลูกจากกิ่งตอนจะเป็นไม้พุ่ม ถ้าปลูกที่ร่มใบจะเขียวเข้มกิ่งยืดยาวและให้ดอกน้อย ผลมีสีสันแต่ไม่ติดผล
การดูแลรักษา:  ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด
การขยายพันธุ์:  เพาะเมล็ดตอนกิ่ง
ต้นแก้วสามารถจะปลูกในดินเกือบทุกชนิด ยกเว้นดินทรายจัด เพราะการอุ้มน้ำไม่ดีและมีธาตุอาหารน้อย ซึ่งจะทำให้การเจริญเติบโตของต้นแก้วไม่ดี 
        การปลูก ใช้กิ่งตอนที่มีรากพอควร เอาไปปลูกในกระถางหรือกระบะปลูกเพื่อให้ต้นพืชที่เกิดจากกิ่งตอนมีระบบรากแข็งแรง
พอที่จะหาอาหารเลี้ยงลำต้นได้ แล้วนำไปปลูกในหลุมที่มีปุ๋ยรองพื้นบ้าง อาจจะเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แล้วรดน้ำทุกเช้าในระยะปลูกใหม่ ๆ 
ส่วนที่มีกลิ่นหอม:  ดอก
การใช้ประโยชน์: 
- การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้ เนื้อไม้ที่แปรรูปใหม่สีเหลืองอ่อน  พอนานเข้ากลายเป็นสีเหลืองแกมเทา  เสี้ยนอาจตรงหรือสน  มักมีลายพื้นหรือลายกาบในบางต้น  เนื้อละเอียดสม่ำเสมอเป็นมันเลื่อย  ผ่า ไส  ขัด  ตบแต่งได้ดีใช้ทำเครื่องเรือน เครื่องกลึง  ด้ามเครื่องมือ ไม้บรรทัด  ด้ามปากกา  มีลายสวยงาม กรอบรูป  ภาชนะ  ซอ ด้ามเครื่องมือต่างๆ 
-     - การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์  เป็นไม้พุ่มที่มีทรงตัดแต่งได้สวยงาม  ใบเขียวตลอดปีและมีดอกที่สวยงาม  กลิ่นหอมแรงมาก  ใช้ปลูกประดับเพื่อความสวยงาม
-  การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร 
             ส่วนที่ใช้ :
- ก้านและใบ เก็บได้ตลอดปี ใช้สดหรือตากแห้งเก็บไว้ใช้
- ราก เก็บในฤดูหนาว เอาดินออกล้างให้สะอาด หั่นเป็นแผ่น ตากแห้งเก็บไว้ใช้
- ใบ ดอก และผลสุก
      สรรพคุณ :
- ก้านและใบ  รสเผ็ด สุขุม ขม ใช้เป็นยาชาระงับปวด แก้ผื่นคันที่เกิดจากชื้น แก้แผลเจ็บปวดเกิดจากการกระทบกระแทก ต้ม อมบ้วนปาก แก้ปวดฟัน  
- ราก รสเผ็ด ขม สุขุม ใช้แก้ปวดเอว แก้ผื่นคันที่เกิดจากชื้น และที่เกิดจากแมลงกัดต่อย
- ใบ ขับพยาธิตัวตืด แก้บิด แก้ท้องเสีย 
- รากใบ เป็นยาขับประจำเดือน 
- ดอกใบ ช่วยย่อย แก้ไขข้ออักเสบ แก้ไอ เวียนศีรษะ
- ผลสุก รับประทานเป็นอาหารได้     
วิธีใช้และปริมาณที่ใช้
-ใช้ภายใน รับประทานขับพยาธิตัวตืด แก้บิด แก้ท้องเสีย
- ใช้ก้านและใบสด 10-15 กรัม ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น
 - หรือใช้ดองเหล้า ดื่มแต่เหล้า ครั้งละ 1 ถ้วยตะไล ใช้เป็นยาขับประจำเดือน
 - ใช้รากแห้ง 10-15 กรัม (สด 30-60 กรัม) ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น
ใช้ภายนอก
 - ใช้ก้านและใบสด ตำพอก หรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่เป็น
 - ใช้ใบแห้งบดเป็นผงใส่บาดแผล
 - รากแห้งหรือสด ตำพอก หรือต้มเอาน้ำชะล้างบริเวณที่เป็น
             - ใบและก้านสด สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50 % ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่
           สารเคมี
                ใบ เมื่อกลั่นด้วยไอน้ำให้น้ำมันหอมระเหยสีเข้ม 0.01%  กลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากใบประกอบด้วย :
               - 1 - Cadinene (sesquiterpene) 32.5%   bisaboline 18%  betacaryophyllene 14%  carene 3.5%

                - 5 - quaiazulene 1.2%  methyl anthrailate 1.5%  euhenol 5%  citronellol 4.5%  geranoil 9.1% methylsalicylate3.5%
ถิ่นกำเนิด:  จีนญี่ปุ่นเกาหลีอินเดีย และภูมิภาคอินโดจีน
การกระจายพันธุ์ แก้วมีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และออสเตรเลีย มันสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศในทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาได้
แหล่งที่พบ:  ทุกภูมิภาค
ความเชื่อ คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้คนในบ้านมีความดี มีคุณค่าสูง เพราะคำว่า แก้ว นั้นหมายถึง สิ่งที่ดีมีค่าสูงเป็นที่นับถือบูชาของบุคคลทั่วไปซึ่งโบราณได้เปรียบเทียบของที่มีค่าสูงนี้เสมือนดั่งดวงแก้ว นอกจากนี้คนโบราณยังมีความเชื่ออีกว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน เพราะแก้วคือความใสสะอาดความสดใสนอกจากนี้ดอกแก้วยังมีสีขาวสะอาดสดใสมีกลิ่นหอมนวลไปไกลและยังนำดอกแก้วไปใช้ในพิธีบูชาพระในพิธีทางศาสนาได้เป็นสิริมงคลยิ่งอีกด้วย
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ
เกล็ดเล็กเกล็ดน้อย
     วรรณกรรม
แก้วปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง
นิราศธารทองแดง พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร
“ กล้วยไม้ห้อยต่ำเตี้ย
นมตำเลียเรี่ยทางไป
 หอมหวังวังเวงใจ
 ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมเหลียว 
     ดอกไม้ประจำจังหวัด สระแก้ว
    ต้นไม้ประจำ มหาวิทยาลัยศิลปากร
   ต้นไม้ประจำ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
      ต้นไม้ประจำ โรงเรียนทวีธาภิเศก
      ต้นไม้ประจำ โรงเรียนสตรีนนทบุรี
      ต้นไม้ประจำ โรงเรียนสระแก้ว
       ต้นไม้ประจำ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร



ขอขอบคุณแหล่งที่มา

http://แก้วแคระใบประยงค์.blogspot.com/2012/10/blog-post_25.html   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น